ทันหุ้น -SNC พร้อมเดินหน้าลงทุนโรงงานแห่งใหม่อัพกำลังการผลิต  OEM นอกเหนือเครื่องปรับอากาศมากขึ้น คาดแล้วเสร็จปี2564 หนุนยอดขายปีหน้าโต 25% จากปี 2563 ที่คาดว่ายอดขายยังเติบโตได้ 15- 20% ขณะที่ 9 เดือนแรก มียอดขายสูงถึง 7,000 ล้านบาท มากกว่าปี 2562 ทั้งปี แม้มีสถานการณ์โควิด- 19

นายรัฐภูมิ นันทปถวี กรรมการผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC เปิดเผยว่า บริษัทประเมินว่ารายได้ในปี 2564 จะเติบโต 20-25% ซึ่งการเติบโตจะมาจากธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) เป็นหลัก เดิมทีบริษัทผลิตเพียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการขยายไปยัง ตู้เย็น,ทีวี เครื่องซักผ้าซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคำสั่งรับจ้างผลิตจากลูกค้าต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจรับจ่างผลิตอยู่ที่ 65% และธุรกิจงานชิ้นส่วน 35%

บริษัทได้ปรับงบลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 996 ล้านบาท ในปี 2563 โดยช่วงปลายปีนี้จะมีการสร้างโรงงาน และลงทุนในเครื่องจักร โดยใช้งบลงทุน 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขยายกำลังการผลิตธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ตามยอดคำสั่งซื้อที่เข้ามาเพิ่มขึ้น สำหรับเงินลงทุนจะมาจากจากกระแสเงินสดที่มีอยู่ในมือ 1,128 ล้านบาท และกู้ยืมจากสถาบันการเงิน โดยปัจจุบันบริษัท มีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) 0.91 เท่า

ชิ้นส่วนยานยนต์ฟื้นQ4

สำหรับสถานการณ์ทางธุรกิจ ในส่วนของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์นั้นในช่วงไตรมาสที่ 2/2563 บริษัทใช้กำลังการผลิตลดลง 40%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบของโควิด-19 ส่วนในไตรมาสที่ 3/2563 มีคำสั่งซื้อจากลูกค้ารถยนต์ และรถจักรยานยนต์เข้ามาเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลให้สถานการณ์ต่างๆในช่วงไตรมาสที่ 4/2563 จะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ

ขณะที่ตลาดชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงไตรมาสที่ 2/2563 บริษัทมีกำลังการผลิตลดลงถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในช่วงไตรมาสที่ 3/2563 ก็เริ่มมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าเครื่องปรับอากาศเข้ามาเพิ่มขึ้น ทำให้มองว่าจะเป็นผลดีไปถึงในช่วงไตรมาสที่ 4/2563 เช่นเดียวกัน

สำหรับตลาดรับจ้างผลิต(OEM) ทั้งงาน A/C และ Toolbox ในช่วงไตรมาสที่ 3/2563 บริษัทมีการผลิตค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งโดยปกติในช่วงนี้จะเป็นโลว์ซีซั่นของธุรกิจ แต่คาดว่าการประสบปัญหาไวรัสโควิด-19 ที่มีหลายอุตสาหกรรมที่หยุดชะงักทำให้มียอดการผลิตค้างไว้อยู่เป็นจำนวนมาก และในช่วงไตรมาส 4/2563 ยอดการผลิตจะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกเนื่องจากเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ

สำหรับรายได้ปี 2563  บริษัทยังเชื่อว่ายอดขายยังเติบโตได้ 15- 20% เทียบกับปีก่อน จากช่วง 9 เดือนแรก มียอดขายสูงถึง 7,000 ล้านบาท มากกว่าปี 2562 ทั้งปี แม้มีสถานการณ์โควิด- 19

รถ-เครื่องใช้ไฟฟ้ายังชะลอตัว

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ค่อนข้างชะลอตัว เนื่องจากประสบปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งก็ส่งผลทำให้ในช่วงไตรมาส 2/2563 บริษัทมีผลการดำเนินงานบริษัทชะลอตัว

อยู่ที่ 16 ล้านเครื่อง ลดลง 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยหลักมาจากด้านการส่งออก แต่ตลาดภายในประเทศพบว่ามีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งบริษัทคาดว่าจากที่ผ่านมามีการ Work from home ทำให้หลายบ้านเรือนมีการติด เครื่องปรับอากาศเพิ่มเติม โดยบริษัทประเมินว่ายอดการผลิตเครื่องปรับอากาศปีนี้จะอยู่ที่ 20.8 ล้านเครื่อง ลดลงจาก 23 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา

ทางด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทย ภาพรวมได้รับผลกระทบค่อนข้างมากในปีนี้ โดยตัวเลข 9 เดือนที่ผ่านมา 960,000 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 39% ซึ่งเป็นการลดลงทั้งในตลาดส่งออกและตลาดในประเทศ บริษัทจึงได้มีการปรับตัวเลขใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ มองว่าตลาดรถยนต์จะปรับตัวลดลงไปมาก ถึง 50% ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาลดลงไปประมาณ 40% ทางด้านสภาอุตสาหกรรมเเห่งประเทศไทย ก็ได้มีการปรับประมาณการตัวเลขเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 1.4 ล้านคัน แบ่งเป็นตลาดในประเทศและตลาดส่งออกอย่างละครึ่ง

ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องซักผ้า ภาพรวมชะลอตัวลง ทั้งการส่งออกและในประเทศ โดยประเมินว่าปี2563จะมียอดการผลิตที่ 5.9 ล้านเครื่อง ลดลงจากก่อนที่ 6.4 ล้านเครื่อง และสุดท้ายอุตสาหกรรมตู้เย็น ซึ่งพบว่าตัวเลขในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ค่อนข้างโตสวนกระแส มียอดขายเพิ่มขึ้นทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก จากการตรวจสอบพบว่าลูกค้าในแถบยุโรปหลายราย มีการย้ายฐานการผลิตมาที่เมืองไทย รวมถึงญี่ปุ่นได้ย้ายฐานการผลิตมาที่เมืองไทย ซึ่งก็คาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายตู้เย็นปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา