เอฟดับบลิวดีลุยดิจิทัล ปรับแผนรับกำลังซื้อหด

ทันหุ้น-สู้โควิด: เอฟดับบลิวดี ประกันภัย เปิดแผนรุกดิจิทัลแพลตฟอร์ม พร้อมแบบประกันให้สอดคล้องกับกำลังซื้อที่ลดลงภายใต้สถานการณ์โควิด-19 มองประกันภัยเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นอีกตลาดที่จะสร้างการเติบโตให้บริษัท เบนเข็มรุกรายบุคคลแทนประกันกลุ่มนักเรียน

นายบ๊อบ เวาเทอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนงานหลังเข้าซื้อ บริษัท สยามซิตี้ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ว่าจะมีการปรับรูปแบบธุรกิจเป็นดิจิทัลอินชัวรันส์มากขึ้น ด้วยการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงการขยายฐานลูกค้ารายบุคคลมากกว่าแบบกลุ่มเช่นในอดีต นอกจากนี้ก็จะเน้นขายประกันที่สร้างผลกำไรให้กับบริษัทด้วย

ที่ผ่านมา สยามซิตี้ ประกันภัยเน้นขายประกันกลุ่มนักเรียน แต่ภายหลังที่ กลุ่มเอฟดับบลิวดี เข้ามาซื้อกิจการจะมีการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจโดยเน้นขยายตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ แฟรงค์ โบรกเกอร์ประกันภัยที่เน้นทำตลาดบนช่องทางออนไลน์เช่นกัน

อย่างไรก็ตามในส่วนของช่องทางตัวแทนไม่ได้ทิ้งไป นายบ๊อบ มีแผนที่จะให้ตัวแทนในฝั่งประกันวินาศภัยสอบใบอนุญาต (ไลเซนส์) ประกันชีวิต เพื่อให้สามารถเสนอขายผลิตภัณฑ์จากบริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)ได้อย่างครอบคลุมภายใต้แผนธุรกิจวันแบรนด์ (One brand)

นายบ๊อบ มองว่าปัจจุบันกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงจากผลกระทบของโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย ทำให้ เอฟดับบลิวดี มีแผนในกาสรพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้สอดคล้องกับภาวะดังกล่าว เป็นต้นว่า ให้ระยะเวลาคุ้มครองในช่วงสั้น เพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้กับลูกค้า หรือการปรับเบี้ย ปรับความคุ้มครองให้สอดคล้องกับกำลังซื้อ

“แต่เรามองว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว ซึ่งปี 2561 ตลาดประกันภัยไทย มีเบี้ยอยู่ราว 2.47 แสนล้านบาท และปี 2566 อยู่ที่ 2.8 แสนล้านบาท โดยประกันรถยนต์ ประกันอุบัติเหนุ และประกันสุขภาพคือตัวขับเคลื่อนธุรกิจ”

นายบ๊อบ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เสนอขายเบื้องต้นนั้น เน้นประกันภัยเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นไทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต สมาร์ททีวี เป็นต้น โดยในส่วนของโทรศัพท์มือถือทำร่วมกับแบรนด์ซัมซุง ในอนาคตก็จะมีการขยายตลาดไปแบรนด์อื่นๆมากขึ้น

“แผนประกันดังกล่าว กกลุ่มบริษัทในเครือของเราที่ต่างประเทศ ให้ข้อมูลว่าเป็นตลาดที่มีการตอบรับดี ซึ่งไทยก็น่าจะมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะประกันโทรศัพท์มือถือที่กลายเป็นมากกว่าเครื่องมือติดต่อสื่อสาร แต่ยังเก็บข้อมูลธุรกรรมต่างๆไว้ ดังนั้นหากเสียหรือสูญหายก็จะซ่อมต้องหาเครื่องใหม่ทดแทน”