> SET > JMT

01 ตุลาคม 2020 เวลา 11:55 น.

JMT เตรียมทุนซื้อหนี้เข้าพอร์ต โค้งท้ายรับบริหารอีก6พันล้าน

ทันหุ้น – JMTเตรียมแผนซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่ม ราว 6,000-10,000 ล้านบาท ในปี 2564 หลังมองสถาบันการเงินมีโอกาสขายหนี้ออกมาจำนวนมาก ขณะที่การจัดเก็บหนี้ในช่วงที่ผ่านมาของบริษัทยังมีแนวโน้มที่ดี สะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัท มั่นใจผลงานปีนี้เป็น All Time High อีกครั้ง


นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า ปี 2564 บริษัทเตรียมงบลงทุนเพื่อซื้อหนี้เพิ่มที่ 6,000 - 10,000 ล้านบาท โดยเงินที่จะช้าสำหรับการลงทุนมาจากการแปลงวอแรนท์ ที่เหลือวงเงินอยู่ราว 4,000 ล้านบาท วงเงินจากสถาบันการเงิน รวมถึงกระเเสเงินสดของบริษัทด้วย ที่จะนำมาลงทุนซื้อหนี้เข้ามาบริหารจัดการ


เตรียมซื้อหนี้สถาบันการเงิน

สำหรับปีนี้ ในช่วงไตรมาสที่ 4/2563 คาดว่าจะมีหนี้จากสถาบันการเงินที่ทยอยออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทได้เตรียมงบเพื่อซื้อหนี้เข้ามาเพิ่มในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้อีกราว 4,500 - 6,000 ล้านบาท จากในช่วงครึ่งปีเเรกใช้เงินซื้อหนี้ไปเเล้วราว 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตหนี้รวมทั้งหมด 189,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 174,490 ล้านบาท


ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสที่ 3/2563 บริษัทสามารถจัดเก็บหนี้ได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสที่ 2/2563 ที่ทุกอย่างหยุดชะงักไป เเละคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 4/2563 จะกลับมาเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยบริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติกำไรสูงที่สุดของบริษัทอีกครั้ง สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ และเป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ


แนะซื้อ 35 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาดว่ากำไรครึ่งปีหลัง และ 2564 ของ JMT จะเติบโตทำ New High ต่อเนื่อง โดยกำไรครึ่งปีหลังจะได้รับผลบวกเต็มที่จากการตัดต้นทุนหนี้บางกองหมดในไตรมาสที่ 2/2563ที่ผ่านมา ขณะที่กำไรของปี 2564 จะได้รับผลบวกจากฐานหนี้ที่ใหญ่ขึ้นจากการลงทุนซื้อหนี้ต่อเนื่อง บวกกับอาจมีการกลับสำรองประกันโควิด-19 ที่ตั้งไว้สูงถึง 150% ในไตรมาสที่ 1/2563


บล.ทรินีตี้ ยังคงประมาณการกำไรปี 2563-2564 ไว้ที่ 937 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เทียบปีก่อน และ 1,196 ล้านบาท เพิ่ม 28% เทียบปีก่อน ตามลำดับ ปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ หลังราคาหุ้นอ่อนตัวจนเริ่มเห็น Upside ยังคงราคาเป้าหมายสำหรับปี 2564 ที่ 35 บาท อิงวิธี DCF โดยราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาสะท้อนความกังวลจากการเพิ่มทุนทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันเริ่มมี Upside


ทั้งนี้ JMT มีการขอมิตคณะกรรมการเพื่อขอเพิ่มทุนรองรับการขยายธุรกิจ โดยเป็นการเพิ่มทุนแบบ General Mandate โดยเป็น RO 267.45 ล้านหุ้น และ PP 89.15 ล้านหุ้น ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องใช้ 2563-2564 นี้ และเหตุผลในการขอ General Mandate ครั้งนี้เพื่อรองรับโอกาสในอนาคต โดยในส่วนของ RO เป็นทางเลือกของแหล่งเงินทุนอันดับท้ายๆ เพื่อรองรับการซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มเติมในปี 2563-2564 เนื่องจากมีโอกาสที่สถาบันการเงินอาจขายหนี้ออกมาจำนวนมากในช่วงเวลาดังกล่าวในราคาที่น่าสนใจ


ขณะที่การเพิ่มทุนแบบ PP เป็นการรองรับแผนการซื้อกิจการแบบ M&A โดยจะใช้วิธีการแลกหุ้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินสด และคาดว่าราคาที่ใช้ในการแลกหุ้นจะไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมของ JMT เสียเปรียบ เนื่องจากแม้จะเกิด Earning Dilution (เต็มที่ราว 10%) แต่อาจชดเชยได้ด้วยกำไรของบริษัทที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการเจรจา และ บล.ทรินีตี้ มองว่า เงินทีได้มาจะมีการนำไปลงทุนทั้งในส่วนของการซื้อหนี้และธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อกำไรชดเชย Dilution Effect ที่เกิดขึ้นได้ จึงมองประเด็นนี้เป็นลบอย่างที่สะท้อนในราคาหุ้น

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X