ทันหุ้น – สู้โควิด –ILM มองธุรกิจรีเทลกลับมาฟื้นตัวเร็ว หลัง SSSG กลับมาเปิดครบ 31 สาขา ขณะที่ยอดขายออนไลน์พุ่ง 11.2% เล็งเพิ่มสินค้าใหม่ดันยอด-อัพมาร์จิ้น เน้นจับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์มากขึ้น ลุยปรับกลยุทธ์ลดต้นทุน-บริหารสต็อก

นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM เปิดเผยว่า มองภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) จะลดลงประมาณ 8% ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อในประเทศ แต่ธุรกิจที่คาดว่าจะสามารถฟื้นกลับมาเติบโตได้หลังจากนี้ ในระดับกลาง จากคาดการณ์จะเป็นกลุ่มของธุรกิจในกลุ่มรีเทล (Retail) ซึ่งสอดคล้องกับธุรกิจของบริษัท

แม้ว่าอสังหาริมทรัพย์จะค่อนข้างชะลอตัวลง แต่ด้านการต่อเติมบ้านกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น เเละกลุ่มลูกค้าของบริษัทกว่าครึ่งเป็น กลุ่มลูกค้าตกเเต่งบ้าน โดยไม่ได้พึ่งพาการขายสินค้า ให้เเก่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น และเชื่อว่าหากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จบลงธุรกิจจะกลับมาเติบโตได้ในระดับปกติ

*ยอดขายออนไลน์พุ่ง

สำหรับเเนวโน้มธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง 2563 จากการคลายล็อคดาวน์ในประเทศ ทำให้บริษัทสามารถกลับมาเปิดสาขาได้ตามปกติจำนวน 31 สาขา รวมถึงสาขาของเดอะวอล์ค ซึ่งพบว่ายอดขายเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทได้เพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อผลักดันยอดขาย เเละเพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) โดยมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ เพื่อโอกาสการเติบโตทางการตลาดใหม่ๆอีกด้วย

นอกจากนี้ ยอดขายออนไลน์ ณ ปัจจุบันถือเป็นช่องทางการขายที่ติดตลาด เริ่มมีคนให้ความสนใจมากขึ้น โดยช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสัดส่วนยอดขายออนไลน์ปีนี้ คาดจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2562 อยู่ที่ 2.2% ขณะที่ไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 3.6% ,ไตรมาส 2/2563 ที่ 11.2% เเละในช่วงไตรมาส 3 -4/2563 คาดเติบโตขึ้นได้ประมาณ 5%

สำหรับการยังไม่มีการลงทุนขยายสาขาในประเทศปีนี้ ส่วนสาขาแฟรนไชส์ในต่างประเทศที่ผ่านมาได้เริ่มกลับมาเปิดสาขาตามแผนในประเทศเมียนมาเเล้วในช่วงเดือนมิถุนายน 2563 ส่วนในประเทศเวียนนาม ได้ชะลอออกไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังมีความไม่เเน่นอน

*เน้นเพิ่มมาร์จิ้น

สำหรับการเติบโตของรายได้ปีนี้ คาดลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้ 9,902.68 ล้านบาท ด้านการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ปัจจุบันเเม้กลับมาเปิดครบทุกสาขาแต่ยังไม่เติบโตในระดับปกติ บริษัทจึงหันมามุ่งเน้นการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 1.0-1.5% โดยครึ่งปีเเรก 2563 เเม้มีสถานการณ์โควิด-19 บริษัทก็ยังสามารถเติบโตได้ 0.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1.6%

ทั้งนี้จากการใช้กลยุทธ์ปรับ Product Mix เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายและอัตรากำไรที่สูงขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2563 สินค้าที่ใช้ทำงานในบ้านปรับตัวดีขึ้น รวมถึงสินค้าเครื่องครัว เเละสินค้าด้านการตกแต่งบ้านจากการรีโนเวทบ้าน นอกจากนี้บริษัทยังทำการลดสต็อกลงได้กว่า 480 กว่าล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาลดลง 21.4% คาดว่าทั้งปีจะลดสต็อกได้รวมประมาณ 500 ล้านบาท รวมถึงมีการลดค่าใช้จ่ายในการบริหาร – ลดพนักงาน และปรังปรุงรูปแบบการขาย เพื่อสร้างผลกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่อง

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1