ทันหุ้น - สู้โควิด – “ชริ้งเฟล็กซ์(ประเทศไทย)” ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. เตรียมนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาด mai เสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 120 ล้านหุ้น พร้อมแต่งตั้ง บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หวังนำเงินลงทุนโรงงานผลิตแห่งใหม่ ปรับปรุงเครื่องจักร และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ SFT จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) โดยจะเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 120 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 27.27% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ราคาพาร์หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งได้แต่งตั้งให้บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
ลักษณะธุรกิจ SFT
บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ฯ ประกอบธุรกิจผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูป และผลิตภัณฑ์อื่น ได้แก่แม่พิมพ์ และฟิล์มยืด ได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO ดังกล่าว
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนมีแผนที่จะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน, ลงทุนโรงงานผลิตแห่งใหม่, ลงทุนเครื่องจักรและปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรในโรงงานเดิม รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
โครงสร้างผู้ถือหุ้นประกอบด้วย กลุ่มทอย ถือหุ้น 65% ภายหลัง IPO สัดส่วนจะลดเหลือ 47.27% รองลงมาได้แก่กลุ่มปิยะตรึงส์ ถือหุ้น 35% ภายหลังจะเหลือ 25.45%
สำหรับโครงการในอนาคต บริษัทมีแผนลงทุนโรงงานผลิตแห่งใหม่ เพื่อเป็นโรงงานแห่งที่ 2 รองรับการขยายกำลังการผลิตที่เติบโตขึ้น คาดว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 100 ล้านบาท ไม่รวมมูลค่าที่ดินที่บริษัทซื้อจากบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวน 71.84 ล้านบาท คาดว่าโรงงานผลิตแห่งใหม่จะแล้วเสร็จและมีรายได้เชิงพาณิชย์ภายในปี 2565
ลงทุนเครื่องจักร
นอกจากนี้มีโครงการลงทุนในเครื่องจักร และปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรในโรงานเดิม เพื่อขยายกำลังการผลิตในตลาดฟิล์มหดรัดรูป ที่ทางบริษัทดำเนินการในปัจจุบัน รวมถึงขยายกำลังการผลิตเพื่อสร้างตลาดใหม่ในกลุ่มฟิล์มใสที่มีความหดตัวสูง โดยมีแผนซื้อเครื่องพิมพ์ราเวียร์ 10 สี เครื่อง Slitting เครื่องทากาว 5K เครื่องกรอ และเครื่อง Cutting และยังมีแผนลงทุนเครื่องเจาะแม่พิมพ์เพิ่มเติมอีก 1 เครื่อง คาดว่าจะลงทุนในปี 2563-2564 ในงบประมาณ 60 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะซื้อเครื่องลามิเนตและเครื่องเคลือบฟิล์ม เพื่อสามารถผลิตสินค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดใหม่ได้ รองรับการเติบโตในอนาคต รวมถึงแผนที่จะซื้อเครื่องพิมพ์ดิจิตอล คาดว่าจะลงทุนในช่วงปี 2564-2565 ใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม