> SET > KSL

17 มีนาคม 2020 เวลา 13:12 น.

KSLโชว์กำไรQ1โต129% ต้นทุนลด-ปริมาณขายดัน

ทันหุ้น–KSL โชว์ผลงานไตรมาส 1/2563 (พ.ย.62-ม.ค.63) โต 129% หลังต้นทุนลดลงจากการยกเลิกนำส่งค่าธรรมเนียม ปริมาณขายสูงสุดของปี ขณะที่ยอมรับโควิด-19 กระทบด้านราคาส่งออกแต่ยังมีอัตราแลกเปลี่ยนช่วยพยุง ด้านราคาน้ำตาตลาดโลกปัจจุบันอยู่ที่ 11 เซนต์ต่อปอนด์ เตรียมรับรู้ธุรกิจพลังงานเต็มสูบ


นายชลัช ชินธรรมมิตร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL เปิดเผยว่า

บริษัทอยู่ระหว่างรอประเมินทิศทางผลกระทบของสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะต้องรอความชัดเจนของเหตุการณ์จนถึงช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งที่ผ่านมาได้ได้รับกระทบด้านราคาส่งออกที่ลดลงบ้างเล็กน้อย ขณะที่ปัจจุบันราส่งออกน้ำตาลอยู่ 11 เซนต์ต่อปอนด์ ถือว่าปรับตัวลงต่ำเกินไป จากที่ผ่านมาอยู่ที่ 13 เซนต์ต่อปอนด์ คาดว่าจะมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส และภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก แต่ได้รับการชดเชยกับอัตราแลกเปลี่ยน


ส่วนปริมาณการขายในช่วงไตรมาสที่ 1/2563 (พ.ย.62-ม.ค.63) คาดว่าจะมีปริมาณการขายสูงสุดของปี เนื่องจากมีการส่งหมอบบางส่วนเหลือจากปีที่ผ่านมา และไตรมาสถัดไปคาดปริมาณการขายจะลดลง เนื่องจากในปีนี้มีปริมาณอ้อยเข้าหีบน้อยกว่าปีที่ผ่านมา หรืออยู่ที่ราว 5 แสนต้นจากปีก่อน แตะ 1 ล้านตัน สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในงวดไตรมาสที่ 2/2563 (ก.พ.-เม.ย.63) มองว่ายังประเมินได้ยาก


*รับรู้รายได้พลังงานเต็มสูบ

สำหรับธุรกิจอื่นธุรกิจที่ต่อยอดจากกระบวนการผลิตน้ำตาลได้แก่ ธุรกิจเอทานอล ที่ใช้ผสมกับน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์, ธุรกิจโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพ ใช้วัตถุดิบที่เป็นน้ำเสียที่มาจากกระบวนการผลิตเอทานอล,โรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้วิตถุดิบที่เป็นของเสียจากกระบวนการผลิตน้ำตาล และธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันขายไฟฟ้าอยู่ที่ราว 52เมกะวัตต์ และที่ COD แล้วให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ที่คาดว่าจะมาช่วยสนับสนุนผลประกอบการของบริษัทให้มีการเติบโตได้เป็นอย่างดี สำหรับธุรกิจไฟฟ้าบริษัทยังไม่มีแผนการลงทุนเพิ่มเติมในปีนี้เพิ่มเติม


สำหรับผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาสที่ 1/2563 (พ.ย.62-ม.ค.63) มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 212 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129% จากปีก่อน 119 ล้านบาท จากไตรมาสที่ 1/2562 ที่มีกำไรสุทธิที่เป็นส่วนของบริษัท 93 ล้านบาท โดยต้นทุนในการจัดจำหน่ายลดลง จาก 453 ล้านบาท เป็น 130 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากการยกเลิกการนำส่งค่าธรรมเนียมเข้าสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2562 ทำให้ต้นทุนในการจัดจำหน่ายโดยรวมลดลง


ขณะที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการสำหรับไตรมาสที่ 1 /2563 ที่ 2,999 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสแรกของปีก่อน มีสาเหตุหลักจากการลดลงของรายได้จากการให้บริการ 46 ล้านบาท ในขณะที่รายได้จากการจำหน่ายน้ำตาลในงวดปัจจุบันเพิ่มขึ้น 2ล้านบาท จากการขายน้ำตาล จำนวนรวม 0.19 ล้านตัน (ไตรมาสที่ 1/2562 มียอดขาย 0.17 ล้านตัน)


สำหรับไตรมาสที่ 1/2563 บริษัทมีกำไรขั้นต้น 635ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 21%ซึ่งลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรชั้นต้น 857ล้นบท หรืออัตรากำไรขั้นต้น 28%โดยกำไรขั้นตันที่ลดลงมีปัจจัยหลักมาจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงประมาณ 4.5%


ส่วนด้านรายได้อื่นเพิ่มขึ้นรวมเป็นจำนวน 40 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ของบริษัทย่อยแห่งหนึ่งจำนวน 88 ล้านบาท จากการทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ยกเลิกไม่ได้ เพื่อขายสินทรัพย์ให้แก่บริษัทที่เกี่ยวของกันแห่งหนึ่ง ขณะที่มีกำไรจากการทำสัญญาซื้อขายน้ำตาลล่วงหน้าจาการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำตาล ลดลงจำนวน 61 ล้านบาท

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X